ระบบไฟฟ้าสิ่งที่อยู่คู่กับผู้คนมาอย่างยาวนาน และกลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับมนุษย์ทุกคนบนโลก ซึ่งไม่เพียงแค่ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยเท่านั้น ระบบไฟฟ้ายังสำคัญกับเรื่องของการทำงานและงานด้านอุตสาหกรรมอีกด้วย แต่การที่จะทำงานกับระบบไฟฟ้าให้ปลอดภัยและมั่นใจได้สูงสุดก็ต้องมีการสวมใส่ อุปกรณ์ safety อยู่เสมอด้วย
ซึ่งเรื่องนี้หลายคน และในหลายองค์กรยังมองข้ามกันอยู่
อุปกรณ์เซฟตี้สำหรับทำงานระบบไฟฟ้า มีอะไรบ้าง
อุปกรณ์นิรภัย สำหรับการทำงานที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าหรือ อุปกรณ์นิรภัย PPE สำหรับงานไฟฟ้านั้นมีตั้งแต่สวมใส่บนศีรษะไปจนถึงจรดปลายทาง ซึ่งอุปกรณ์เซฟตี้สำหรับป้องกันไฟฟ้าสถิตและทำงานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้ามีอะไรบ้าง ไปดูกัน
1
หมวกแข็งนิรภัย
เป็น อุปกรณ์นิรภัย ที่ไม่เพียงแค่ช่วยลดแรงกระแทกของวัตถุที่ตกหล่นจากที่สุดเท่านั้น แต่ยังช่วยลดอันตรายที่เกิดจากการสัมผัสตัวนำกระแสไฟฟ้าอีกด้วย โดยหมวกแข็งนิรภัยนั้นมีหลาย Class ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามรูปแบบของการทำงาน โดยที่แต่ละ Class นั้นจะมีคุณสมบัติในการต้านกระแสได้ตั้งแต่แรงดันต่ำ ไปจนถึงกระแสไฟฟ้าแรงดันสูง 20,000 โวลต์ เลยทีเดียว
2
ถุงมือยางและถุงมือหนังสำหรับงานไฟฟ้า
สำหรับถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันมือนั้นเป็นส่วนสำคัญที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการทำงานระบบไฟฟ้า เพราะเป็นอวัยวะส่วนที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับตัวนำกระแสไฟฟ้าโดยตรงซึ่ง อุปกรณ์เซฟตี้ งานไฟฟ้าที่ต้องสวมใส่เพื่อป้องกันมือมีสองชนิด คือ
- ถุงมือยางฉนวนไฟฟ้า ถุงมือยางฉนวนไฟฟ้ามีคุณสมบัติในการป้องกันไฟฟ้าดูด โดยมีการแบ่งเป็นระดับ Class ในการป้องกันไฟฟ้าดูดได้ถึง 6 ระดับ
- ถุงมือหนังสำหรับงานไฟฟ้า ถุงมือหนังสำหรับงานไฟฟ้าที่ใส่เพื่อป้องกันอันตรายหากมีการเกิด Arc Flash ขึ้น ซึ่งถุงมือหนังจะช่วยกันการถูกบด เสียดสี หรือแทงทะลุได้
3
อุปกรณ์ป้องกันแขน
ในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าอาจมีอันตรายเกิดขึ้นกับส่วนแขนได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากการใสถุงมือยางและถุงมือหนังแล้ว ปลอกแขนยางฉนวนไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ โดยคุณสมบัตินั้นจะเหมือนกันกับถุงมือยางซึ่งเป็นการใส่เพื่อป้องกันไฟดูดและสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการทำงานได้ 5 ระดับ
4
รองเท้านิรภัย
อันตรายจากการเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อสำหรับการทำงานที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าแรงสูง ทำให้ต้องสวมรองเท้านิรภัยทุกครั้งในการทำงานไฟฟ้า ซึ่งรองเท้าเซฟตี้หรือรองเท้านิรภัยที่ใช้นั้นโดยทั่วไปแล้วเป็นรองเท้ายางที่มีทั้งแบบหุ้มส้นและแบบหุ้มข้อ มีคุณสมบัติในการลดอันตรายจากกระแสไฟฟ้าเมื่อมีการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีกระแสไฟฟ้ารั่ว หรือกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เป็น อุปกรณ์เซฟตี้ ที่สามารถป้องกันการถูกดูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Pay Attention to Protection
การให้ความสำคัญตั้งแต่เริ่มต้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับผู้ปฏิบัติงานที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับด้านไฟฟ้า เพราะหากเกิดอุบัติเหตุแล้วผลกระทบมีอันตรายสูงถึงแก่ชีวิต
อุปกรณ์ Safety สำหรับงานไฟฟ้าประเภทอื่น
สำหรับอุปกรณ์ป้องกันสำหรับงานไฟฟ้าทั้ง 4 ชนิดนี้ก็เป็น อุปกรณ์นิรภัย พื้นฐานที่ผู้ปฏิบัติงานด้านระบบไฟฟ้าจำเป็นต้องสวมใส่เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า ซึ่งนอกจากอุปกรณ์ที่แนะนำไปแล้วยังมีเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้สำหรับงานไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสเกิดอันตรายระดับรุนแรงได้ เช่น
ไม้ฉนวน (Hot Stick)
ไม้สำหรับใช้ในการทำงานที่ต้องสัมผัสหรือเข้าใกล้กระแสไฟฟ้าที่ทำงานในระดับแรงดันไฟฟ้าแรงสูง โดยไม้ฉนวนมีคุณสมบัติในการทนแรงดันไฟฟ้าได้ 100kv/ฟุต และตัววัสดุที่ใช้นอกจากป้องกันแรงดันไฟฟ้าได้แล้วยังมีการเคลือบน้ำยาพิเศษที่ป้องกันการเกาะของน้ำในกรณีที่ต้องทำงานช่วงฝนตก
ชุด Conductive Suit
ชุดที่ใช้สวมใส่ขณะปฏิบัติงานแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอย่างถุงมือยางซึ่งลักษณะชุดจะเป็น Conductive Suit ที่ใช้ผ้าฝ้ายผสมใยสเตนเลส เมื่อสวมใส่แล้วจะสามารถจับสายไฟฟ้าเปลือยโดยตรงได้ซึ่งกระแสไฟฟ้าจะถ่ายเทศักย์ไฟฟ้าจากสายสู่ผู้ปฏิบัติงานในมีศักย์เท่ากัน ทำให้สามารถทำงานได้สะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
สายรัดข้อมือและข้อเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิต
สายรัดข้อมือและข้อเท้าที่ออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันอันตรายจากการถูกไฟฟ้าสถิต โดยการรัดไว้ที่ข้อมือและข้อเท้าระหว่างปฏิบัติงาน หรือต้องเข้าไปในพื้นที่ที่อาจมีการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า ซึ่งสายรัดจะมีคุณสมบัติที่ช่วยควบคุมไฟฟ้าสถิตไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ โดยการใช้งานสามารถใช้ได้กับรองเท้าปกติ
เพื่อเป็นการมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์นิรภัยจะสามารถป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการตรวจเช็ค และเปลี่ยนใหม่หากชำรุด
อุปกรณ์เซฟตี้

สรุป
อุปกรณ์เซฟตี้สำหรับงานไฟฟ้านั้นก็มีอยู่หลายประเภทและหลายรูปแบบ และยังมีอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับงานประเภทอื่นๆ โดยการใช้อุปกรณ์เซฟตี้ในการทำงานจะช่วยให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานและยังช่วยให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลและทรัพย์สินน้อยลงด้วย
เรียกว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับทุกองค์กรและทุกโรงงานเลยทีเดียว
Leave a comment